
"ราชภัฏ" เมินข้อเรียกร้อง เครือข่ายสตรีข้ามเพศ อยากให้น.ศ.ชายแต่งเป็นหญิงเข้าพิธีพระราชทานปริญญาบัตร อธิการสวนดุสิตระบุ ที่ประชุมอธิการ มีมติไม่เห็นด้วย เพราะไม่เหมาะสมในการกราบบังคมทูล เรียกชื่อ "นาย" แต่แต่งตัวเป็นหญิง หวั่นน.ศ.หญิงที่ใจเป็นชายเรียกร้องบ้างจะยิ่งยุ่ง ชี้การเรียกร้องสิทธิต่างๆ ควรอยู่ในขอบเขต ทางด้านประธานเครือข่ายสตรีข้ามเพศฯ โวยราชภัฏกระทำขัดหลักสิทธิมนุษยชน
เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต (มสด.) รศ.ดร.ศิโรจน์ ผลพันธิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต (มสด.) ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการ บดีมหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งประเทศไทย (ทปอ.มรภ.) กล่าวว่า จากการหารือร่วมกันถึงข้อเรียกร้องของกลุ่มเครือข่ายสตรีข้ามเพศ ให้สถาบันอุดมศึกษาเปิดให้กลุ่มนิสิตนักศึกษาข้ามเพศได้แต่งชุดนิสิตนักศึกษาเป็นหญิง เพื่อเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรนั้น ที่ประชุมไม่เห็นด้วยที่จะให้นักศึกษาข้ามเพศแต่งชุดนิสิตนักศึกษาเป็นหญิงเพื่อเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร เพราะหากดูความเหมาะสมในการบังคมทูลเรียกชื่อนักศึกษาก่อนที่จะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร มีชื่อเป็นนายแต่แต่งกายเป็นหญิงนั้น เป็นเรื่องไม่เหมาะสม อีกทั้งหากอนุโลมให้นักศึกษาข้ามเพศแต่งชุดนิสิตนักศึกษาเป็นหญิง กลุ่มนักศึกษาที่กายเป็นหญิง แต่ใจเป็นชาย อาจออกมาเรียกร้องได้เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นการเรียกร้องสิทธิต่างๆ ควรอยู่ในขอบเขตแนวทางปฏิบัติด้วย
รศ.ดร.ศิโรจน์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่เครือข่ายสตรีข้ามเพศฯ ระบุว่านักศึกษาที่มีพฤติ กรรมเช่นนี้ เป็นโรคเพศสลับ หรือ Trans sexualism ซึ่งบำบัดได้ด้วยการแต่งกายและดำเนินชีวิตเป็นเพศตรงข้ามกับร่างกายนั้น เห็นว่าทุกคนต่างมีโรคประจำตัวด้วยกันทั้งสิ้น และที่ผ่านมามหาวิทยาลัยต่างๆ ได้อนุญาตให้นักศึกษาข้ามเพศแต่งชุดนิสิตนักศึกษาหญิงมาเรียนได้อยู่แล้ว
ทางด้านนายยลลดา เกริกก้อง สวนยศ ประธานเครือข่ายสตรีข้ามเพศแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ไปพิจารณาข้อเรียกร้องของเครือข่ายสตรีข้ามเพศฯ ที่ขอให้ทุกมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ พิจารณาแก้ไขกฎ ระเบียบ ข้อบังคับของมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับการแต่งกายของสตรีข้ามเพศโดยเฉพาะ และให้นิสิต นักศึกษา บัณฑิต และอาจารย์สตรีข้ามเพศ ที่เป็นไปตามการวินิจฉัยและมีใบรับรองทางการแพทย์ แต่งกายให้ตรงกับจิตใจของตนเองได้ว่า รู้สึกดีใจแทนน้องๆ และคาดหวังว่า คำตอบสุดท้ายหลังการพิจารณาของสกอ. จะเป็นเรื่องที่ดีที่จะทำให้มหาวิทยาลัยทั่วประเทศปรับทัศนคติ และแก้ไขกฎข้อบังคับต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการออกมาเรียกร้องของเครือข่ายเพื่อต้องการรักษาสิทธิขั้นพื้นฐานของตนเอง อย่างไรก็ตาม หากทางสกอ. หรือมหาวิทยาลัยยังเพิกเฉยไม่แก้ไขให้เกิดความถูกต้อง เครือข่ายก็คงจะต้องมีการดำเนินการในขั้นต่อไป ทั้งนี้ คงต้องขอฟังเหตุผลจากสกอ.ก่อน ว่าจะให้เหตุผลอย่าง ไร แต่ส่วนตัวแล้วเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา
เมื่อถามถึงกรณีที่ประชุม ทปอ.มรภ. มีมติไม่เห็นด้วยที่จะให้นักศึกษาข้ามเพศแต่งชุดนิสิตนักศึกษาเป็นหญิงเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร เนื่องจากอาจเกิดความไม่เหมาะสมในการบังคมทูลเรียกชื่อนักศึกษาที่ใช้คำนำหน้านาย แต่กลับแต่งกายด้วยชุดนักศึกษาหญิงนั้น นายยลลดา กล่าวว่า ความเห็นดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความใจแคบของมรภ.ทปอ. ซึ่งจริงๆ แล้วเรื่องนี้ตนเชื่อว่าหากมหาวิทยาลัยมีความเห็นอกเห็นใจและเข้าใจนักศึกษาข้ามเพศ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของตัวเอง ก็น่าจะหาทางหลีกเลี่ยงให้ได้ เช่น การจัดกลุ่มนักศึกษาข้ามเพศ ให้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร โดยไม่ต้องขานคำนำหน้าชื่อ นาย หรือนางสาว เป็นต้น เพราะวันรับปริญญาถือเป็นวันทรงเกียรติของนักศึกษาทุกคน ครอบครัวต้องการมา ร่วมแสดงความยินดี แต่นักศึกษาข้ามเพศกลับต้องอยู่ในสภาพที่ถูกบังคับ ไม่มีความภาคภูมิใจในตัวเอง
"ที่ผ่านมาทางเครือข่ายพยายามชี้แจงถึงความจำเป็นของนักศึกษาข้ามเพศ หรือนักศึกษาที่ป่วยเป็นโรคเพศสลับ หรือ Trans sexualism ซึ่งในหลักการรักษาของแพทย์จะต้องให้ผู้ป่วยแต่งกาย และดำเนินชีวิตเป็นเพศตรงข้ามกับร่างกาย คือการแต่งกายด้วยชุดผู้หญิงตลอดเวลา เป็นการกระทำเพื่อรักษาโรค แต่จากมติครั้งนี้ของทปอ.มรภ. แสดงให้เห็นว่าไม่สนใจและไม่พยายามเข้าใจว่านักศึกษากลุ่มนี้เป็นโรคและต้องการรับการรักษา เหมือนนักศึกษาเป็นไข้ แต่ไปเรียนแล้วมหาวิทยาลัยบอกว่าห้ามกินยา เป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนอย่างมาก" นายยลลดากล่าว
นายยลลดา กล่าวอีกว่า อยากย้อนถามไปยัง ทปอ.มรภ.ด้วยว่า คำว่า ไม่เหมาะสมหมายความว่าอย่างไร ตนคิดว่า ทปอ.มรภ. ควรชี้แจงเหตุผลที่ชัดเจนกว่านี้ ดังนั้น ทางเครือข่ายจะได้ทำหนังสือสอบถามไปยังนายศิโรจน์ ผลพันธิน ในฐานะประธานทปอ. มรภ. ถึงเหตุผลที่ชัดเจน พร้อมทั้งขอคำแนะนำด้วยว่า หากนักศึกษาประสบปัญหาจะให้คำแนะนำอย่างไร
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น